PART 28

 

Al-Mujâdilah

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[58:1]

โดยแน่นอน อัลลอฮ์ทรงได้ยินถ้อยคำของสตรีที่กำลังโต้แย้งกับเจ้าในเรื่องสามีของนางและนางได้ร้องทุกข์ต่ออัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นทรงได้ยินการตอบโต้ของเจ้าทั้งสอง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรู้เห็นเสมอ

 

[58:2]

บรรดาผู้เปรียบเทียบภรรยาของพวกเขาในหมู่พวกเจ้าว่าเสมือนแม่ของพวกเขานั้น พวกนางมิได้เป็นแม่ของพวกเขา บรรดาแม่ของพวกเขามิได้เป็นอื่นใดนอกจากเป็นผู้ให้กำเนิดพวกเขาเท่านั้น และแท้จริงพวกเขานั้นกล่าวคำพูดที่น่าเกลียดและกล่าวเท็จ และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงยกโทษให้เสมอ

 

[58:3]

และบรรดาผู้เปรียบเทียบภรรยาของพวกเขาว่าเสมือนแม่ของพวกเขานั้น แล้วพวกเขาจะคืนสู่ถ้อยคำที่พวกเขาได้กล่าวไว้ ดังนั้น (สิ่งที่จำเป็นแก่เขาต้องปฏิบัติคือ) การปล่อยทาสหนึ่งคนก่อนที่เขาทั้งสองแตะต้องต่อกัน (ร่วมหลับนอน) นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าถูกเตือนเอาไว้ใช้ให้ปฏิบัติ และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[58:4]

ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหา (ทาส) ได้ ก็ต้องถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน ก่อนที่เขาทั้งสองจะแตะต้องต่อกัน (ร่วมหลับนอน) สำหรับผู้ที่ไม่สามารถจะถือศีลอดได้ ก็ต้องให้อาหารแก่คนยากจนจำนวนหกสิบคน ทั้งนี้เพื่อจะให้พวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ นั่นคือขอบเขตของอัลลอฮ์ และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธานั้นจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวด

 

[58:5]

แท้จริงบรรดาผู้ต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ พวกเขาจะถูกทำให้อัปยศเช่นเดียวกับบรรดาก่อนหน้าพวกเขาได้ถูกทำให้อัปยศมาก่อนแล้ว และแน่นอนเราได้ประทานอายาตทั้งหลายอันชัดแจ้ง และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอดสู

 

[58:6]

วันที่อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนชีพขึ้นมา แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติไว้ อัลลอฮ์ทรงประเมินมันไว้อย่างครบถ้วน แต่พวกเขาลืมมัน และอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

 

[58:7]

เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า อัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคนเว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแห่งหนใด แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะฮ์ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ (ในโลกดุนยา) แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

 

[58:8]

เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า บรรดาผู้ที่ถูกห้ามจากการซุบซิบกัน แล้วพวกเขาก็กลับไปกระทำในสิ่งที่พวกเขาได้ถูกห้ามเอาไว้ และพวกเขาซุบซิบนินทากันในการทำบาปและการเป็นศัตรูและการฝ่าฝืนท่านร่อซู้ล และเมื่อพวกเขามาหาเจ้า พวกเขาจะกล่าวทักทายไม่เหมือนกับที่อัลลอฮ์ทรงกล่าวทักทายด้วยคำพูดนั้น และพวกเขากล่าวในหมู่พวกเขาว่า ทำไมอัลลอฮ์จึงไม่ทรงลงโทษเราตามที่เราได้กล่าวทักทาย (มุฮัมมัด) นรกก็เป็นการพอเพียงแก่พวกเขาแล้ว พวกเขาจะถูกเผาไหม้ในนั้น มันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง

 

[58:9]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อพวกเจ้าซุบซิบต่อกัน ก็อย่าได้ซุบซิบกันด้วยการทำบาปและการเป็นศัตรูและการฝ่าฝืนท่านร่อซู้ล แต่จงซุบซิบกันเพื่อการทำความดีและการยำเกรง พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์

 

[58:10]

แท้จริงการซุบซิบนินทากันนั้นเป็นการงานของชัยฏอน เพื่อมันจะก่อความเสียใจให้แก่บรรดามุอฺมิน แต่มันจะไม่ให้ร้ายแต่อย่างใดแก่พวกเขา เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และเฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นบรรดามุอฺมินต้องมอบความไว้วางใจ

 

[58:11]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเจ้าว่า จงหลีกที่ให้ในที่ชุมนุม พวกเจ้าก็จงหลีกที่ให้เขา เพราะอัลลอฮ์จะทรงให้ที่กว้างขวางแก่พวกเจ้า (ในวันกิยามะฮ์) และเมื่อมีเสียงกล่าวว่าจงลุกขึ้นยืนจากที่ชุมนุมนั้น พวกเจ้าก็จงลุกขึ้นยืน เพราะอัลลอฮ์จะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชั้น และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[58:12]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อพวกเจ้าจะปรึกษาหารือท่านร่อซู้ลเป็นการส่วนตัว (เป็นการลับ) พวกเจ้าจงบริจาคานก่อนการปรึกษาหารือของพวกเจ้า นั่นเป็นการกระทำที่ดีสำหรับพวกเจ้า และเป็นการทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว หากพวกเจ้าไม่สามารถหามาได้ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[58:13]

พวกเจ้ากลัวต่อากรบริจาคทานก่อนหน้าการปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวของพวกเจ้ากระนั้นหรือ? หากพวกเจ้ามิได้กระทำเช่นนั้น อัลลอฮ์ก็ได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและบริจาคซะกาต และจงเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[58:14]

เจ้ามิเห็นดอกหรือบรรดาผู้ที่เป็นมิตรกับชนกลุ่มหนึ่งซึ่งอัลลอฮ์ทรงกริ้วพวกเขา? พวกเขา (มุนาฟิกีน) มิได้เป็นพวกของพวกเจ้า และมิได้เป็นพวกของพวกเขา (ยะฮูด) และพวกเขาสาบานในเรื่องโกหกทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว

 

[58:15]

อัลลอฮ์ทรงเตรียมการลงโทษอย่างสาหัสไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว แท้จริงพวกเขานั้น สิ่งที่พวกเขากระทำไปมันชั่วช้าจริง ๆ

 

[58:16]

พวกเขาได้ยึดถือเอาการสาบานของพวกเขาเป็นโล่ป้องกัน แล้วพวกเขาก็ขัดขวางผู้คนให้ออกจากทางของอัลลอฮ์ ดังนั้น สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอดสู

 

[58:17]

ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขา จะไม่ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ไปได้แต่อย่างใด ชนเหล่านั้นเป็นชาวนรก พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล

 

[58:18]

วันที่อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งหมด แล้วพวกเขาก็จะสาบานต่อพระองค์ดังเช่นที่พวกเขาสาบานต่อพวกเจ้า และพวกเขาคิดว่า แท้จริงพวกเขาอยู่บนสิ่งหนึ่งแห่งความจริงแล้ว พึงทราบเถิด แท้จริงพวกเขาเป็นผู้โกหก

 

[58:19]

ชัยฏอนมารร้ายได้เข้าไปครอบงำพวกเขาเสียแล้ว มันจึงทำให้พวกเขาลืมการรำลึกถึงอัลลอฮ์ ชนเหล่านั้นคือบรรดาพรรคพวกของชัยฏอน พึงทราบเถิดว่า แท้จริงพรรคพวกของชัยฏอนนั้นพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน

 

[58:20]

แท้จริงบรรดาผู้ฝ่าฝืนอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ ชนเหล่านั้นอยู่ในหมู่ผู้อัปยศอดสู

 

[58:21]

อัลลอฮ์ทรงกำหนดไว้ว่า แน่นอนข้าและร่อซู้ลของข้าจะมีชัยชนะเหนือกว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจเหนือ

 

[58:22]

เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก รักใคร่ชอบพอผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อของพวกเขาหรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม ชนเหล่านั้นอัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขา และได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยการสนับสนุนของพระองค์ และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์ โดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล อัลลอฮ์ทรงโปรดปรานต่อพวกเขาและพวกเขาก็ยินดีปรีดาต่อพระองค์ ชนเหล่านั้นคือพรรคของอัลลอฮ์ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงพรรคของอัลลอฮ์นั้น พวกเขาเป็นผู้สบความสำเร็จ

 

Al-Hashr

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[59:1]

สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ์ และพระองค์เป็นผู้ทรงทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[59:2]

พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮ์ลุลกิตาลออกจากบ้านเรือนของพวกเขา เป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่ม ๆ พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่าพวกเขาจะออกไป (ในสภาพเช่นนั้น) และพวกเขาคิดว่า แท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้ แต่การลงโทษของอัลลอฮ์ได้มีมายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิดมาก่อนเลย และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยน้ำมือของบรรดามุอฺมิน จงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเอ๋ย

 

[59:3]

และหากมิใช่เพราะอัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดการเนรเทศแก่พวกเขาแล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้ และสำหรับพวกเขาในปรโลกนั้นก็คือการลงโทษด้วยนรก

 

[59:4]

ทั้งนี้ก็เพราะว่า พวกเขาต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ และผู้ใดต่อต้านอัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ

 

[59:5]

การที่พวกเจ้าโค่นต้นอินทผาลัมหรือปล่อยให้มันยืนไว้บนรากของมันนั้น เนื่องด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และเพื่อพระองค์จะทำให้บรรดาผู้ฝ่าฝืนได้รับอัปยศ

 

[59:6]

และสิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงให้ร่อซู้ลของพระองค์ยึดมาได้จากพวกเขา (พวกยะฮูด) พวกเจ้ามิได้เหน็ดเหนื่อยด้วยการขี่ม้าหรือขี่อูฐออกไป แต่อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาร่อซู้ลของพระองค์มีอำนาจเหนือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

 

[59:7]

และสิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงให้ร่อซู้ลของพระองค์ยึดมาได้จากชาวเมือง (พวกกุฟฟาร) เป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์และร่อซู้ล และญาติสนิท และเด็กกำพร้า และผู้ขัดสน และผู้เดินทาง เพื่อมันจะมิได้หมุนเวียนอยู่ในระหว่างผู้มั่งมีของพวกเจ้าเท่านั้น และอันใดที่ร่อซู้ลได้นำมายังพวกเจ้าก็จงยึดเอาไว้ และอันใดที่ท่านได้ห้าม พวกเจ้าก็จงละเว้นเสีย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้ริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ

 

[59:8]

(สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาและทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ และความยินดีของพระองค์ และช่วยเหลืออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง

 

[59:9]

และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮ์ (ชาวอันศอร) และพวกเขาศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา (ชาวมุฮาญิรีน) พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายังพวกเขา และจะไม่พบความต้องการหรือความอิจาฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ได้ถูกประทานให้ และให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเอง ถึงแม้ว่าพวกเขายังมีความต้องการอยู่มากก็ตาม และผู้ใดปกป้องการตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

 

[59:10]

และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขา โดยพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา และขอพระองค์อย่าได้ให้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[59:11]

เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า บรรดาผู้กลับกลอกกล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮ์ลุลกิตาบว่า หากพวกท่านถูกไล่ออกแน่นอนเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย และเราจะไม่เชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ใดเป็นอันขาดเกี่ยวกับพวกท่าน และหากพวกท่านถูกโจมตี แน่นอนเราจะช่วยเหลือพวกท่าน และอัลลอฮ์ทางเป็นพยานว่า แท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จ

 

[59:12]

หากพวกเขาถูกขับไล่ออกไป บรรดาผู้กลับกลอกเหล่านั้นก็จะไม่ออกไปพร้อมกับพวกเขา และถ้าพวกเขาถูกโจมตี บรรดาผู้กลับกลอกเหล่านั้นก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา (ยะฮูดบะนีนะฎีร) และหากบรรดาผู้กลับกลอกช่วยเหลือพวกเขา แน่นอนบรรดาผู้กลับกลอกก็จะผินหลังหนีออกไป พวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

 

[59:13]

แน่นอนพวกเจ้านั้นเป็นที่หวาดเกรงในทรวงอกของพวกเขายิ่งกว่าที่พวกเขามีต่ออัลลอฮ์ ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ

 

[59:14]

พวกเขาทั้งหมดจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้า เว้นแต่ในเมืองที่มีป้องปราการ หรือจากเบื้องหลังของกำแพง การเป็นศัตรูระหว่างพวกเขากันเองนั้นรุนแรงยิ่งนัก เจ้าเข้าใจว่าพวกเขารวมกันเป็นปึกแผ่น แต่ (ความจริงแล้ว) จิตใจของพวกเขาแตกแยกกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ

 

[59:15]

(สภาพของพวกเขา) ประหนึ่งอุปมาสภาพของบรรดา (พวกยิว) ก่อนหน้าพวกเขาเพียงเล็กน้อย ซึ่งพวกเขาได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งการงานของพวกเขา และการลงโทษอันเจ็บปวดจะได้แก่พวกเขา

 

[59:16]

ประหนึ่งเช่นชัยฏอนเมื่อมันกล่าวแก่มนุษย์ว่า จงปฏิเสธศรัทธาเถิด ครั้นเมื่อเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว มันจะกล่าวว่า แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากท่าน แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก

 

[59:17]

ดังนั้น บั้นปลายของพวกเขาทั้งสองคือ พวกเขาทั้งสองจะพำนักอยู่ในนรก เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้อธรรม

 

[59:18]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่า อะไรบ้างที่ตนได้เตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ (วันกิยามะฮ์) และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[59:19]

และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮ์ มิฉะนั้นอัลลอฮ์จะทรงทำให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเอง ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน

 

[59:20]

บรรดาชาวนรกกับบรรดาชาวสวนสวรรค์นั้นไม่เหมือนกันดอก บรรดาชาวสวนสวรรค์พวกเขาเป็นผู้ได้รับความสำเร็จ

 

[59:21]

หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงมาบนภูเขาลูกหนึ่ง แน่นอนเจ้าจะเห็นมันนอบน้อมแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ เนื่องเพราะความกลัวต่ออัลลอฮ์ อุปมาเหล่านี้เราได้ยกมันมาเปรียบเทียบสำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้พิจารณาใคร่ครวญ

 

[59:22]

พระองค์คืออัลลอฮ์ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ ผู้ทรงรองรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย พระองค์คือผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[59:23]

พระองค์คือ อัลลอฮ์ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงความศานติสุข ผู้ทรงคุ้มครองการศรัทธา ผู้ทรงปกปักรักษาความปลอดภัย ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปราบให้เรียบร้อย ผู้ทรงความยิ่งใหญ่ภูมิใจ มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์

 

[59:24]

พระองค์คือ อัลลอฮ์ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง สำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

Al-Mumtahanah

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[60:1]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้าเป็นมิตร โดยให้ความรักใคร่แก่พวกเขา และทั้ง ๆ ที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่มีมายังพวกเจ้าคือสัจธรรม พวกเขาขับไล่ร่อซู้ลและโดยเฉพาะพวกเจ้า เนื่องเพราะพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์ พระเจ้าของพวกเจ้า หากพวกเจ้าได้เคยออกไปต่อสู้ในแนวทางของข้า และแสวงหาความโปรดของข้า (ดังนั้น พวกเจ้าอย่าได้คบพวกปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากข้า) โดยซ่อนความรักใคร่แก่พวกเขาอย่างลับ ๆ และข้ารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำเช่นนั้น แน่นอนเขาได้หลงจากทางอันเที่ยงธรรม

 

[60:2]

หากพวกเขามีสถานะดีกว่าพวกเจ้า พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นศัตรูกับพวกเจ้า และจะยื่นมือของพวกเขาไปยังพวกเจ้า (ทำร้าย) และลิ้นของพวกเขาจะกล่าวร้ายสาปแช่ง และพวกเขาใคร่ที่จะให้พวกเจ้าเป็นพวกปฏิเสธศรัทธา

 

[60:3]

ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้า และลูกหลานของพวกเจ้าจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเจ้า ในวันกิยามะฮ์พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า และอัลลอฮ์ทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[60:4]

แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน) ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์ เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ) พวกท่าน และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฏขึ้นแล้ว (และจะคงอยู่) ตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮ์องค์เดียว นอกจากคำกล่าวของอิบรอฮีมแก่บิดาของเขา (ที่ว่า) แน่นอนฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่าน ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่มีอำนาจอันใดจะช่วยท่าน (ให้พ้นจากการลงโทษ) จากอัลลอฮ์ได้ ข้าแต่พระเจ้าของเรา แด่พระองค์ท่านเราขอมอบหมาย และยังพระองค์ท่านเท่านั้นเราขอลุแก่โทษ และยังพระองค์ท่านเท่านั้นคือการกลับไป

 

[60:5]

ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงอย่าให้เราเป็นที่ทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่เรา ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[60:6]

โดยแน่นอน ได้มีแบบอย่างอันดีงามในพวกเขาสำหรับพวกเจ้าแล้ว แก่ผู้ที่หวังใน (การตอบแทนของ) อัลลอฮ์และวันสุดท้าย และผู้ใดผินหลังให้ (การศรัทธา) ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮ์คือ ผู้ทรงพอเพียง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ

 

[60:7]

บางทีอัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความรักใคร่ระหว่างพวกเจ้ากับบรรดาผู้ที่พวกเจ้าถือเป็นศัตรูในหมู่พวกเขา และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอานุภาพ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[60:8]

อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม

 

[60:9]

แต่ว่าอัลลอฮ์ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า และช่วยเหลือให้ขับไล่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะผูกมิตรกับพวกเขา และผู้ใดผูกมิตรกับพวกเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม

 

[60:10]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาเป็นผู้ลี้ภัยมาหาพวกเจ้า ก็จงสอบสวนพวกนาง อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งในการศรัทธาของพวกนาง ครั้นเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธา ก็อย่าได้ส่งพวกนางกลับไปยังพวกปฏิเสธศรัทธา พวกนางมิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และพวกเขาก็มิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกนาง และจงจ่ายคือให้พวกเขา (สามีเดิมที่เป็นกาเฟร) สิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป (มะฮัร) และไม่เป็นบาปอันใดแก่พวกเจ้าที่จะแต่งงานกับพวกนาง เมื่อพวกเจ้าได้ให้แก่พวกนางซึ่งของหมั้นของพวกนาง และอย่าหน่วงเหนี่ยวพันธะการแต่งงานของบรรดาหญิงผู้ปฏิเสธศรัทธา และจงขอคืนสิ่งที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไป และให้พวกเขาขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไป นั่นคือข้อตัดสินของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[60:11]

และถ้าคนใดในบรรดาภริยาของพวกเจ้าหนีไปสู่พวกปฏิเสธศรัทธาแล้ว ครั้นเมื่อพวกเจ้าสามารถแก้แค้นริบทรัพย์มาได้ ก็จงจ่ายคืนให้แก่บรรดาผู้ที่บรรดาภริยาของพวกเขาหนีไปเท่ากับจำนวนที่พวกเขาได้จ่ายไป และจงยำเกรงอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์เถิด

 

[60:12]

โอ้นบีเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้า โดยพวกนางให้ปฏิญาณแก่เจ้าว่าพวกนางจะไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮ์ และจะไม่ขโมย และจะไม่ทำชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกนาง และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลงพ่อให้เป็นลูกของเขา และจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม ดังนั้น จงรับการปฏิญาณของพวกนาง และจงขอต่ออัลลอฮ์ให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[60:13]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่อัลลอฮ์ทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหาย แน่นอนพวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้ว เสมือนกับที่พวกปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ (การฟื้นคืนชีพของ) ชาวกุบูร

 

As-Saff

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[61:1]

สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินจ่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[61:2]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ

 

[61:3]

เป็นที่น่าเกลียดยิ่งที่อัลลอฮ์ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ

 

[61:4]

แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้ที่ต่อสู้ในทางของพระองค์เป็นแถวเดียวกัน ประหนึ่งพวกเขาเป็นอาคารที่ยึดมั่นแข็งแรง

 

[61:5]

และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ทำไมพวกท่านจึงทำร้ายฉัน และแน่นอนพวกท่านรู้แล้วมิใช่หรือว่า แท้จริงฉันเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน ดังนั้น เมื่อพวกเขาหันเหไป (จากแนวทางที่เที่ยงตรง) อัลลอฮ์ก็ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน

 

[61:6]

และจงรำลึก เมื่ออีซา อิบนิมัรยัม ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอฮ์ก่อนหน้าฉัน และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงร่อซู้ลคนหนึ่ง ผู้จะมาภายหลังฉัน ชื่อของเขาคือ อะหมัด ครั้นเมื่อเขา (อะหมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่า นี่คือมายากลแท้ ๆ

 

[61:7]

และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา ขณะที่เขาถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้อธรรม

 

[61:8]

พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮ์เป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าพวกปฏิเสธศณัทธาจะเกลียดชังก็ตาม

 

[61:9]

พระองค์คือผู้ทรงส่งร่อซู้ลของพระองค์ด้วยการชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล ถึงแม้พวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม

 

[61:10]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ข้าจะชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด

 

[61:11]

นั่นคือ พวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ และต่อสู้ดิ้นรนในทางอัลลอฮ์ ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้

 

[61:12]

พระองค์จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า ซึ่งการทำบาปของพวกเจ้า และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าในสวนสวรรค์หลากหลาย มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์ และที่พำนักอันบรมสุขในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง

 

[61:13]

และสิ่งอื่น ๆ อีกที่พวกเจ้ารักชอบมัน การช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ และการพิชิตอันใกล้นี้ และจงแจ้งข่าวดีแด่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด

 

[61:14]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ ดังเช่นอีซา อิบน มัรยัม ได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮ์บ้าง? บรรดาสาวกได้กล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ ดังนั้น กลุ่มหนึ่งจากวาศวานของอิสรออีลได้ศรัทธา และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา แต่เราได้ช่วยเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ

 

Al-Jumu‘ah

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[62:1]

สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องดุดีแด่อัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิสิทธิ์ ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[62:2]

พระองค์ทรงเป็นผู้แต่งตั้งร่อซู้ลขึ้นคนหนึ่งในหมู่ผู้ไม่รู้จักหนังสือจากพวกเขาเอง เพื่อสาธยายอายาตต่าง ๆ ของพระองค์แก่พวกเขา และทรงทำให้พวกเขาผุดผ่อง และทรงสอนคัมภีร์และความสุขุมคัมภีรภาพแก่พวกเขา และแม้ว่าแต่ก่อนนี้พวกเขาอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้งก็ตาม

 

[62:3]

และกลุ่มชนอื่น ๆ ในกลุ่มพวกเขาที่จะติดตามมาภายหลังจากพวกเขา และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[62:4]

นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ทรงประทานความโปรดปรานนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง

 

[62:5]

อุปมาบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์เตารอฮ์ แล้วพวกเขามิได้ปฏิบัติตามที่พวกเขาได้รับมอบ ประหนึ่งเช่นกับลาที่แบกหนังสือจำนวนหนึ่ง (บนหลังของมัน) อุปมาหมู่ชนที่ปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮ์ มันช่างชั่วช้าจริง ๆ และอัลลอฮ์จะไม่ชี้แนะทางแก่หมู่ชนผู้อธรรม

 

[62:6]

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด โอ้บรรดายิวเอ๋ย หากพวกท่านอ้างว่าพวกท่านเป็นมิตรของอัลลอฮ์อื่นจากมนุษย์แล้วไซร้ ดังนั้นพวกท่านก็จงมุ่งหวังความตายกันเถิด หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง

 

[62:7]

แต่ว่าพวกเขาจะไม่มุ่งหวังมันเป็นอันขาด เนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบ (กรรมชั่ว) ไว้ก่อน และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้พวกอธรรมทั้งหลาย

 

[62:8]

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงความตายที่พวกท่านหนีจากมันไปนั้น มันจะมาพบกับพวกท่าน แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้

 

[62:9]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อได้มีเสียงร้องเรียก (อะซาน) เพื่อทำละหมาดในวันศุกร์ ก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮ์ และจงละทิ้งการค้าขายเสีย นั่นเป็นการดีสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้

 

[62:10]

ต่อเมื่อการละหมาดได้สิ้นสุดลงแล้วก็จงแยกย้ายกันไปตามแผ่นดิน และจงแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์ และจงรำลึกถึงอัลลอฮ์ให้มาก ๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ

 

[62:11]

และเมื่อพวกเขาได้เห็นการค้าและการละเล่นพวกเขาก็กรูกันไปที่นั้น และปล่อยเจ้าให้ยืนอยู่คนเดียว จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด สิ่งที่มีอยู่ ณ อัลลอฮ์นั้นดีกว่าการละเล่นและการค้า และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ

 

Al-Munâfiqûn

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[63:1]

เมื่อพวกสับปลับ (มุนาฟิกูน) มาหาเจ้า พวกเขากล่าวว่า เราขอปฏิญาณว่า แท้จริงท่านเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์ แต่อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งว่า แท้จริงเจ้านั้นเป็นร่อซู้ลของพระองค์อย่างแน่นอน และอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานว่า แท้จริงพวกมุนาฟิกีนนั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน

 

[63:2]

พวกเขาได้ถือเอาการสาบานของพวกเขาเป็นโล่แล้วกีดกันจากทางของอัลลอฮ์ แท้จริงพวกเขานั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไปนั้นช่างชั่วช้าจริง ๆ

 

[63:3]

นั่นเป็นเพราะพวกเขาศรัทธาแล้วก็ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นจึงถูกผนึกบนหัวใจของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไม่เข้าใจ

 

[63:4]

และเมื่อเจ้าได้เห็นพวกเขาแล้ว ร่างกายของพวกเขาจะเป็นที่พึงพอใจแก่เจ้า และหากพวกเขาพูด เจ้าก็จะฟังคำพูดของพวกเขา ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นท่อนไม้ที่ถูกยันไว้ พวกเขาคิดว่า ทุก ๆ เสียงร้องนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา พวกเขาคือศัตรู ดังนั้นจงระวังพวกเขา ขออัลลอฮ์ทรงให้ความอัปยศแก่พวกเขา ทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น

 

[63:5]

และเมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงมาเถิดร่อซู้ลของอัลลอฮ์ จงขออภัยโทษให้แก่พวกท่าน พวกเขาก็หันศีรษะของพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง และเจ้าเห็นพวกเขาผินหลังออกไปทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้หยิ่งผยอง

 

[63:6]

มีผลเท่ากันแก่พวกเขาที่เจ้าจะขออภัยโทษแก่พวกเขาหรือไม่ขออภัยโทษให้แก่พวกเขาก็ตาม อัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะทางแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน

 

[63:7]

พวกเขาคือผู้ที่กล่าวว่า อย่าบริจาคให้แก่ผู้ที่อยู่กับร่อซู้ลของอัลลอฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้แยกย้ายออกไป แต่ขุมคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮ์ แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนไม่เข้า

 

[63:8]

พวกเขากล่าวว่า ถ้าเรากลับไปยังนครมะดีนะฮ์ พวกที่มีเกียรติกว่าจะขับไล่พวกที่ต่ำต้อยออกจากนครมะดีนะฮ์ ส่วนอำนาจนั้นเป็นของอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนนั้นหารู้ไม่

 

[63:9]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย อย่าให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าหันเหพวกเจ้าจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ชนเหล่านั้นคือพวกที่ขาดทุน

 

[63:10]

และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า แล้วเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาค และข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย (ผู้ทรงคุณธรรม)

 

[63:11]

แต่อัลลอฮ์จะไม่ทรงผ่อนผันให้แก่ชีวิตใดเมื่อกำหนดของมันได้มาถึงแล้ว และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

At-Taghâbun

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[64:1]

สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องดุดีแด่อัลลอฮ์ อำนาจเด็ดขาดเป็นของพระองค์ มวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง

 

[64:2]

พระองค์คือผู้ทรงสร้างพวกเจ้า ดังนั้นในหมู่พวกเจ้ามีผู้ปฏิเสธศรัทธา และในหมู่พวกเจ้ามีผู้ศรัทธา และอัลลอฮ์ทรงรู้เห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[64:3]

พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริง และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงามยิ่ง และยังพระองค์เท่านั้นคือทางกลับ

 

[64:4]

พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปกปิดและสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก

 

[64:5]

ข่าวคราวของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในอดีตมิได้มีมายังพวกเจ้าดอกหรือ? พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษแห่งกิจกรรมของพวกเขา (ในโลกดุนยา) และการลงโทษอันเจ็บปวดจะได้แก่พวกเขา (ในโลกอาคิเราะฮ์

 

[64:6]

นั่นเป็นเพราะว่าบรรดาร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาได้กล่าวว่า สามัญชนเช่นนี้นะหรือจะชี้แนะทางให้แก่เรา พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาและผินหลังให้ แต่อัลลอฮ์ทรงพอเพียง (จากการศรัทธาของพวกเขา) เพราะอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมั่งมีอย่างเหลือหลาย เป็นผู้ได้รับการสรรเสริญ

 

[64:7]

บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวอ้างว่า พวกเขาจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หาเป็นเช่นนั้นไม่! ขอสาบานต่อพระเจ้าของข้าพระองค์ พวกท่านจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน แล้วพวกท่านจะได้รับแจ้งตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้ และนั่นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮ์

 

[64:8]

ดังนั้น จงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ และแสงสว่าง (อัลกุรอาน) ซึ่งเราได้ประทานลงมา และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

[64:9]

วันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าเพื่อวันแห่งการชุมนุม นั่นคือวันแห่งชัยชนะ (สำหรับมุอฺมิน) และขาดทุน (สำหรับกาฟิร) ส่วนผู้ได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และกระทำความดี พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วทั้งหลายของเขาออกไปจากเขา และจะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

 

[64:10]

ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง ๆ ของเรา ชนเหล่านั้นคือชาวนรก พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้น และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง

 

[64:11]

ไม่มีทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้น เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงเปิดหัวใจของเขา (สู่แนวทางที่ถูกต้อง) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งอย่าง

 

[64:12]

และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์ และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซู้ล หากพวกเจ้าผินหลังกลับ (ไม่เชื่อฟัง) ดังนั้นหน้าที่ของร่อซู้ลของเราก็คือการเผยแผ่อันชัดแจ้ง

 

[64:13]

อัลลอฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมายไว้วางใจต่ออัลลอฮ์เถิด

 

[64:14]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย แท้จริงในหมู่คู่ครองของพวกเข้าและลูกหลานของพวกเจ้านั้น มีบางคนเป็นศัตรูแก่พวกเจ้า ฉะนั้นจงระวังต่อพวกเขา แต่ถ้าพวกเจ้าอภัยและยกโทษ (แก่พวกเขา) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[64:15]

แท้จริง ทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้านั้นเป็นเครื่องทดสอบ และอัลลอฮ์นั้น ณ ที่พระองค์มีรางวัลอันยิ่งใหญ่

 

[64:16]

ดังนั้น จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด เท่าที่พวกเจ้ามีความสามารถ และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตามและบริจาคเถิด เพราะเป็นการดียิ่งสำหรับตัวของพวกเจ้า และผู้ใดถูกปกป้องให้พ้นจากความตระหนี่แห่งจิตใจของเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

 

[64:17]

หากพวกเจ้าให้อัลลอฮ์ยืมอย่างดีเยี่ยมแล้ว พระองค์ก็จะทรงทวีการยืมให้แก่พวกเจ้า และจะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงตอบแทนแก่ผู้กระทำความดี ทรงผ่อนผันการลงโทษ

 

[64:18]

ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งที่เปิดเผย ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

At-Talâq

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[65:1]

โอ้นบีเอ๋ย เมื่อพวกเจ้าหย่าภริยา ก็จงหย่าพวกนางตามกำหนด (อิดดะฮ์) ของพวกนาง และจงนับกำหนดอิดดะฮ์ให้ครบ พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์ พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด อย่าขับไล่พวกนางออกจากบ้านของพวกนาง และพวกนางก็อย่าออกจากบ้านเว้นแต่พวกนางจะกระทำลามกอย่างชัดแจ้ง และเหล่านี้คือข้อกำหนดของอัลลอฮ์ และผู้ใดละเมิดข้อกำหนดของอัลลอฮ์ แน่นอนเขาก็ได้อธรรมแก่ตัวของเขาเอง เจ้าไม่รู้ดอกว่าบางทีอัลลอฮ์จะทรงปรับปรุงกิจการ (ของเขา) หลังจากนั้น

 

[65:2]

ต่อเมื่อพวกนางได้อยู่จนครบกำหนดของพวกนางแล้ว ก็จงยับยั้งพวกนางให้อยู่โดยดี หรือให้พวกนางจากไปโดยดี และจงให้มีพยานสองคนเป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า และจงให้การเป็นพยานนั้นเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์ ดังกล่าวมานั้น ผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันอาคิเราะฮ์จะถูกตักเตือนให้ถือปฏิบัติ และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา

 

[65:3]

และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์ โดยแน่นอนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนั้น อัลลอฮ์ทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว

 

[65:4]

สำหรับผู้หญิงในหมู่ภริยาของพวกเจ้าที่หมดหวังในการมีระดู หากพวกเจ้ายังสงสัย (ในเรื่องอิดดะฮ์ของนาง) ดังนั้น พึงรู้เถิดว่า อิดดะฮ์ของพวกนางคือสามเดือน และบรรดาผู้หญิงที่มิได้มีระดูก็เช่นกัน ส่วนบรรดาผู้มีครรภ์ กำหนดของพวกนางก็คือ พวกนางจะคลอดทารถที่อยู่ครรภ์ของพวกนาง และผู้ใดยำเกรงต่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงทำให้กิจการของเขาสะดวกง่ายดายแก่เขา

 

[65:5]

นั่นคือพระบัญชาของอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานพระบัญชานั้นแก่พวกเจ้า และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วทั้งหลายของเขาออกไปจากเขา และจะทรงเพิ่มรางวัลให้มากขึ้นแก่เขา

 

[65:6]

จงให้พวกนางพำนักอยู่ ณ ที่พวกเจ้าพำนักอยู่ตามฐานะของพวกเจ้า และอย่าทำอันตรายพวกนางเพื่อให้เกิดการคับแค้นแก่พวกนาง และหากพวกนางตั้งครรภ์ก็จงเลี้ยงดูพวกนางจนกว่าพวกนางจะคลอดทารกที่อยู่ในครรภ์ของพวกนาง ครั้นเมื่อพวกนางได้ให้นมแก่ทารกของพวกเจ้า ก็จงให้พวกนางซึ่งค่าตอบแทนของพวกนาง และจงปรึกษาหารือระหว่างพวกเจ้าด้วยกันโดยดี และเมื่อพวกเจ้าตกลงกันไม่ได้ ก็จงให้หญิงอื่นให้นมแก่เด็กนั้น

 

[65:7]

ควรให้ผู้มีฐานะร่ำรวยจ่ายตามฐานะของเขา ส่วนผู้ที่การยังชีพของเขาเป็นที่คับแค้นแก่เขา ก็ให้เขาจ่ายตามที่อัลลอฮ์ทรงประทานมาให้แก่เขา อัลลอฮ์มิได้ทรงให้เป็นที่ลำบากแก่ชีวิตใด เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประทานมาแก่ชีวิตนั้น หลังจากความยากลำบากอัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความสะดวกสบาย

 

[65:8]

มีชาวเมืองกี่มากน้อยแล้วที่ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขาและบรรดาร่อซู้ลของพระองค์ เราได้ชำระพวกเขาด้วยการชำระอย่างเข้มงวด และเราได้ลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอย่างหนัก

 

[65:9]

ดังนั้น พวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งกิจกรรมของพวกเขา และบั้นปลายแห่งกิจกรรมของพวกเขา คือการขาดทุน ความหายนะ

 

[65:10]

อัลลอฮ์ทรงเตรียมการลงโทษอย่างหนักไว้สำรหับพวกเขาแล้ว ดังนั้นจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด โอ้บรรดาผู้มีสติปัญญาที่ศรัทธาเอ๋ย เพราะแน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงประทานข้อเตือนสติ (อัลกุรอาน) ลงมาให้แก่พวกเจ้าแล้ว

 

[65:11]

(และ) ร่อซู้ลท่านหนึ่ง (มุฮัมมัด) มาสาธยายอายาตต่าง ๆ อันชัดแจ้งของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้า เพื่อจะได้นำบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายออกจากความมืดทึบทั้งมวลสู่แสงสว่าง ส่วนผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์และกระทำความดี พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล แน่นอนได้ทรงจัดปัจจัยยังชีพอย่างดีเลิศไว้ให้แก่เขาแล้ว

 

[65:12]

อัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และทรงสร้างแผ่นดินก็เยี่ยงนั้น พระบัญชาจะลงมาท่ามกลางมันทั้งหลาย (ชั้นฟ้าและแผ่นดิน) เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงห้อมล้อมทุกสิ่งอย่างไว้ด้วยความรอบรู้ (ของพระองค์)

 

At-Tahrîm

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[66:1]

โอ้นบีเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงห้ามสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงอนุมัติแก่เจ้า เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริยาของเจ้าเล่า? และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา

 

[66:2]

แน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดแก่พวกเจ้าแล้วในการแก้คำสาบานของพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[66:3]

และจงรำลึกขณะที่ท่านนบีได้บอกความลับเรื่องหนึ่งแก่ภริยาบางคนของเขา ครั้นเมื่อนางได้บอกเล่าเรื่องนี้ (แก่คนอื่น) และอัลลอฮ์ได้ทรงแจ้งเรื่องนี้แก่เขา (ท่านนบี) เขาก็ได้แจ้งบางส่วนของเรื่องนี้ และไม่แจ้งบางส่วน ครั้นเมื่อเขา (ท่านนบี) ได้แจ้งเรื่องนี้แก่นาง นางได้กล่าวว่า ใครบอกเล่าเรื่องนี้แก่ท่าน? เขา (ท่านนบี) กล่าวว่า พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงแจ้งแก่ฉัน

 

[66:4]

หากเจ้าทั้งสองกลับเนื้อกลับตัวขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ (ก็จะเป็นการดีแก่เจ้าทั้งสอง) เพราะแน่นอนหัวใจของเจ้าทั้งสองก็โอนอ่อนอยู่แล้ว แต่หากเจ้าทั้งสองร่วมกันต่อต้านเขา (ท่านนบี) แท้จริงอัลลอฮ์ พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองของเขา อีกทั้งญิบรีลและบรรดาผู้ศรัทธาที่ดี ๆ และนอกจากนั้น มลาอิกะฮ์ก็ยังเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้วย

 

[66:5]

หากเขาหย่าพวกนาง บางทีพระเจ้าของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่เขามีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นหญิงที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นหญิงผู้ศรัทธา เป็นหญิงผู้ภักดี เป็นหญิงผู้ขอลุแก่โทษ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการอิบาดะฮ์ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการถือศีลอด เป็นหญิงที่เป็นหม้าย และที่เป็นหญิงสาว

 

[66:6]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และก้อนหิน มีมลาอิกะฮ์ผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา

 

[66:7]

โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย วันนี้พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวเลย แต่ว่าพวกเจ้าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้

 

[66:8]

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอลุแก่โทษแด่อัลลอฮ์ด้วยการลุแก่โทษอย่างจริงจังเถิด บางทีพระเจ้าของพวกเจ้าจะลบล้างความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่าวสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน วันที่อัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้นบีและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาต้องอัปยศ แสงสว่างของพวกเขาจะส่องจ้าไปเบื้องหน้าของพวกเขาและทางเบื้องขวาของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ได้ทรงโปรดทำให้แสงสว่างของเราอยู่กับเราตลอดไป และทรงยกโทษให้แก่เรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

 

[66:9]

โอ้นบีเอ๋ย จงต่อสู้กับพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกมุนาฟิกีน และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา เพราะที่พำนักของพวกเขาคือนรก และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง

 

[66:10]

อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูห์ และภริยาของลู้ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสอง ดังนั้น เขาทั้งสองจึงไม่สามารถช่วยเขาทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์แต่ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน

 

[66:11]

และอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ศรัทธา ถึงภริยาของของฟิรเอาน์ เมื่อนางได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพระองค์ ณ ที่พระองค์ท่านในสวนสวรรค์ และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากฟิรเอาน์และการกระทำของเขา และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม

 

[66:12]

และมัรยัมบุตรีของอิมรอน ผู้ซึ่งรักษาพรหมจารีของนาง แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง และนางได้ศรัทธาต่อบัญญัติต่าง ๆ แห่งพระเจ้าของนาง และ (ได้ศรัทธาต่อ) คัมภีร์ต่าง ๆ ของพระองค์ และนางจึงอยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม