PART 12

 

[11:6]

และไม่ว่าสัตว์ตัวใดที่เหยียบย่ำอยู่ในแผ่นดินเว้นแต่เครื่องยังชีพของมันเป็นหน้าที่ของอัลลอฮ์ และพระองค์ทรงรู้ที่พำนักของมันและที่พักชั่วคราวของมัน ทุกสิ่งอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง

 

[11:7]

และพระองค์คือผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในระยะ 6 วัน และบัลลังก์ของพระองค์อยู่เหนือน้ำ เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบพวกท่านว่า ผู้ใดในหมู่พวกท่านมีการงานที่ดีเยี่ยม และหากเจ้า (มุฮัมมัด) กล่าวว่า แท้จริงพวกท่านจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หลังจากที่ได้ตายไปแล้ว แน่นอนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า นี่มิใช่อื่นใดเลย นอกจากเล่ห์กลอย่างชัดแจ้ง

 

[11:8]

และหากเรายึดเวลาการลงโทษพวกเขาออกไปอีกระยะเวลาหนึ่งที่ได้กำหนดไว้ แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า อะไรหรือได้ยับยั้งมันไว้พึงรู้เถิด ! วันซึ่งการลงโทษจะมายังพวกเขา มันจะไม่ละเว้นไปจากพวกเขา และมันจะห้อมล้อมพวกเขา ตามที่พวกเขาได้เยาะเย้ยมัน

 

[11:9]

และถ้าเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเราแล้วเราได้ดึงมันกลับมาจากเขา แท้จริงเขานั้นเป็นผู้หมดหวังและสิ้นศรัทธา

 

[11:10]

และถ้าเราได้ให้เขาลิ้มรสความโปรดปรานหลังจากความทุกข์ยากได้ประสบกับเขา แน่นอนเขาจะกล่าวว่า ความชั่วร้ายต่างๆ ได้ผ่านพ้นจากฉันไปแล้ว แท้จริง เขานั้นเป็นผู้คึกคะนองหยิ่งยะโส

 

[11:11]

เว้นแต่บรรดาผู้อดทนและบรรดาผู้ปฏิบัติความดีทั้งหลาย ชนเหล่านั้นแหละ สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่

 

[11:12]

และบางทีเจ้าจะทิ้งบางส่วนที่ถูกวะฮีย์มายังเจ้า และหัวอกของเจ้าจะอึดอัดต่อสิ่งนั้นโดยที่พวกเขากล่าวกันว่า ทำไมเล่าขุมทรัพย์จึงไม่ถูกส่งลงมา หรือทำไมมะลัก จึงไม่ถูกส่งลงมาพร้อมกับเขา? แท้จริงเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองรักษาทุกสิ่ง

 

[11:13]

หรือพวกเขากล่าวว่า เขา (มุฮัมมัด) ได้ปลอมแปลงอัลกุรอานขึ้นมา (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด ดังนั้น พวกท่านจงนำมาสักสิบซูเราะฮ์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นให้ได้อย่างอัลกุรอาน และพวกท่านจงเรียกผู้ที่มีความสามารถในหมู่พวกท่านอื่นจากอัลลอฮ์ (ให้มาช่วย) ถ้าพวกท่านเป็นพวกสัตย์จริง

 

[11:14]

หากพวกเขาไม่ตอบสนองการเรียกร้องของพวกท่านก็จงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลกุรอานถูกประทานลงมาด้วยวะฮีย์ของอัลลอฮ์ และนั่นคือไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกเจ้า (มุชริกีน) ยังมินอบน้อมอีกหรือ?

 

[11:15]

ผู้ใดปรารถนาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และความเพริศแพร้วของมันเราก็จะตอบแทนให้พวกเขาอย่างครบถ้วน ซึ่งการงานของพวกเขาในโลกนี้เท่านั้น และพวกเขาจะไม่ถูกริดรอนในการงานนั้นแต่อย่างใด

 

[11:16]

ชนเหล่านั้น พวกเขาจะไม่ได้รับการตอบแทนอันใดในโลกอาคิเราะฮ์ นอกจากไฟนรกและสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ในโลกดุนยาก็จะไร้ผลและสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะสูญเสียไป

 

[11:17]

ดังนั้น ผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขาและผู้เป็นพยานจากพระองค์จะสาธยายมัน และก่อนนั้นมีคัมภีร์ของมูซาเป็นแนวทางและเป็นเมตตา ชนเหล่านั้นศรัทธาต่อมันและผู้ใดจากพรรคต่าง ๆ ปฏิเสธศรัทธาต่อมันไฟนรกคือสัญญาของเขา ดังนั้นเจ้าอย่าได้อยู่ในการสงสัยมันเลย แท้จริงมันเป็นสัจธรรมจากพระเจ้าของเจ้า แต่ทว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ศรัทธา

 

[11:18]

และผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่อุปโลกน์ความเท็จต่ออัลลอฮ์ ชนเหล่านั้นจะถูกนำมาเสนอต่อพระเจ้าขงพวกเขาและบรรดาพยานจะกล่าวว่า พวกเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้าของพวกเขา พึงรู้เถิด! การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะได้แก่บรรดาผู้อธรรม

 

[11:19]

บรรดาผู้กีดขวางทางอัลลอฮ์และพวกเขาใคร่ที่จะให้มันคดเคี้ยว และพวกเขาสำหรับโลกอาคิเราะฮ์นั้นพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา

 

[11:20]

ชนเหล่านี้จะไม่รอดพ้น (จากการลงโทษ) ในแผ่นดินนี้ และสำหรับพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์ การลงโทษแก่พวกเขาจะถูกเพิ่มเป็นทวีคูณพวกเขาไม่สามารถที่จะฟังได้และจะไม่เห็น

 

[11:21]

ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาขาดทุนและสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นนั้นก็ได้เตลิดหนีไปจากพวกเขา

 

[11:22]

โดยแน่นอน แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่งในอาคิเราะฮ์

 

[11:23]

แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและผู้ปฏิบัติความดีและสำรวมตนต่อพระเจ้าของพวกเขา ชนเหล่านั้นคือชาวสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล

 

[11:24]

อุปมาของทั้งสองฝ่ายดังเช่นคนตาบอดและหูหนวก กับคนมองเห็นและได้ยิน ทั้งสองนี้จะเท่าเทียมกันหรือ พวกท่านมิได้ไตร่ตรองหรือ?

 

[11:25]

และโดยแน่นอน เราได้ส่งนูห์ไปยังกลุ่มชนของเขา (โดยกล่าวว่า) แท้จริงฉันเป็นผู้ตักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่านแล้ว

 

[11:26]

คือพวกท่านอย่าเคารพอิบาดะฮ์ผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์ แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษในวันอันเจ็บปวด

 

[11:27]

แล้วบรรดาบุคคลชั้นนำซึ่งปฏิเสธศรัทธาจากกลุ่มชนของเขากล่าวว่า เรามิเห็นท่านเป็นอื่นใด นอกจากสามัญชนเช่นเรา และเรามิเห็นผู้ใดปฏิบัติตามท่าน นอกจากบรรดาผู้ต่ำช้าของพวกเราที่มีความคิดเห็นตื้น ๆ และเรามิเห็นว่าพวกท่านประเสริฐกว่าพวกเรา แต่เราคิดว่าพวกท่านเป็นพวกโกหก

 

[11:28]

เขา (นูห์) กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่า หากฉันมีหลักฐานอันแจ้งชัดจากพระเจ้าของฉัน และพระองค์ทรงประทานแก่ฉันซึ่งความเมตตาจากพระองค์ แล้วได้ถูกทำให้มืดมนแก่พวกท่าน เราจะบังคับพวกท่านให้รับมันทั้ง ๆ ที่พวกท่านเกลียดชังมันกระนั้นหรือ?

 

[11:29]

และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ฉันมิได้ร้องขอทรัพย์สินใดสำหรับการเยแพร่แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลลอฮ์ และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาดอก แท้จริงพวกเขาจะเป็นผู้พบพระเจ้าของพวกเขา แต่ฉันเห็นว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้งมงาย

 

[11:30]

และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ผู้ใดจะช่วยฉัน ณ ที่อัลลอฮ์หากฉันขับไล่พวกเขา พวกท่านไม่คิดบ้างดอกหรือ?

 

[11:31]

ฉันมิได้กล่าวแก่พวกท่านว่า ฉันมีขุมคลังของอัลลอฮ์และฉันไม่รู้ถึงสิ่งพ้นญาณวิสัยและฉันมิได้กล่าวว่าแท้จริงฉันเป็นมลัก และและมิได้กล่าวแก่บรรดาผู้ที่สายตาของพวกท่านเหยียดหยามว่า อัลลอฮ์จะไม่ทรงประทานความดีแก่พวกเขา อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา แท้จริง ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะอยู่ในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย

 

[11:32]

พวกเขากล่าวว่า โอ้นูห์เอ๋ย ! แน่นอนท่านได้โต้เถียงของเรามากเรื่องขึ้น ดังนั้น จงนำมาให้เราเถิดสิ่งที่สัญญากับเราไว้ถ้าท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง

 

[11:33]

เขา (นูห์) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์เท่านั้นที่จะทรงนำมันมายังพวกท่าน หากพระองค์ทรงประสงค์ และพวกท่านจะไม่เป็นผู้รอดไปได้

 

[11:34]

และคำสั่งสอนของฉันจะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกท่าน ตามที่ฉันปรารถนาจะสั่งสอนพวกท่านถ้าอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้พวกท่านหลงผิด พระองค์คือพระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์

 

[11:35]

หรือพวกเขา (กุฟฟารกุเรช) กล่าวว่า เขา (มุฮัมมัด) ได้อุปโลกน์มันขึ้นมา (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า ถ้าฉันได้อุปโลกน์มันขึ้นมา ความผิดของฉันย่อมอยู่ที่ฉัน และฉันปลีกตัวอกจากสิ่งที่พวกท่านกระทำผิด

 

[11:36]

และได้มีวะฮีย์แก่นูห์ว่า แท้จริงจะไม่มีผู้ใดจากหมู่ชนของเจ้าศรัทธา เว้นแต่ผู้ที่ได้ศรัทธาแล้ว ดังนั้น เจ้าอย่าเศร้าหมองในสิ่งที่พวกเขากระทำ

 

[11:37]

และจ้าจงสร้างเรือต่อหน้าเราและตามคำบัญชาของเราและอย่ามาดูดกับข้า ถึงบรรดาผู้อธรรม แท้จริงพวกเขาจะถูกจมน้ำตาย

 

[11:38]

และเขาได้สร้างเรือและคราใดที่บุคคลชั้นนำจากหมู่ชนของผ่านเขา (นูห์) พวกเขาก็เยาะเย้ยเขา เขาก็จะกล่าวว่า หากพวกท่านเยาะเย้ยพวกเรา แท้จริงเราก็จะเยาะเย้ยพวกท่านเช่นเดียวกับที่พวกท่านเยาะเย้ย

 

[11:39]

แล้วพวกท่านก็จะรู้ว่าผู้ใดที่การลงโทษอันอัปยศจะมายังเขา และการลงโทษอันยั่งยืนจะประสบแก่เขา

 

[11:40]

จนกระทั่งเมื่อคำบัญชาของเราได้มาและบนพื้นแผ่นดินน้ำได้พวยพุ่งขึ้น เรากล่าวว่า จงบรรทุกไว้ในเรือจากทุกชนิดเป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย เว้นแต่ผู้ที่พระดำรัสได้กำหนดแก่เขาไว้ก่อน และผู้ศรัทธา แต่ไม่มีผู้ศรัทธาร่วมกับเขานอกจากจำนวนเล็กน้อย

 

[11:41]

และเขากล่าวว่า พวกท่านจงลงในเรือด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ทั้งในยามแล่นของมันและในยามจอดของมัน แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

[11:42]

และมันแล่พาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา และนูห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โอ้ลูกของฉันเอ๋ย ! จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย

 

[11:43]

เขา (ลูกชาย) กล่าวว่า ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้ เขา (นูห์) กล่าวว่า ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮ์ เว้นแต่ผู้ทีพระองค์ทรงเมตตา และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา (ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ

 

[11:44]

และได้มีเสียงกล่าวว่า แผ่นดินเอ๋ย! จงกลืนน้ำของเจ้าและฟ้าเอ๋ย ! จงหยุด และน้ำได้ลดลงและกิจการได้ถูกตัดสิน และมันได้จอดเทียบอยู่ที่ภูเขาญดีย์ และได้มีเสียงกล่าวว่า ความหมายนะจงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรมเถิด

 

[11:45]

และนูห์ได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์แท้จริงลูกชายของข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของข้าพระองค์และแท้จริงสัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง และพระองค์ท่านนั้นทรงตัดสินเที่ยงธรรมยิ่ง ในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย

 

[11:46]

พระองค์ทรงตรัสว่า โอ้นูห์เอ๋ย ! แท้จริงเขามิได้เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าแท้จริงการกระทำของเขาไม่ดี ดังนั้นเจ้าอย่าร้องเรียนต่อข้าในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ แท้จริงข้าขอเตือนเจ้าที่เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้งมงาย

 

[11:47]

เขากล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ท่าน ให้พ้นจากการร้องเรียนต่อพระองค์ท่านในสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น และหากพระองค์ไม่ทรงอภัยแก่ข้าพระองค์ และไม่ทรงเมตตาข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน

 

[11:48]

ได้มีเสียงกล่าวว่า โอ้นูห์เอ๋ย ! จงลงไป (จากเรื่อ) ด้วยความศานติจากเรา และความจำเริญแก่เจ้า และแก่กลุ่มชนที่อยู่กับเจ้าและกลุ่มชนอื่นที่เราจะให้พวกเขาหลงระเริง แล้วการลงโทษอย่างเจ็บปวดจากเราก็จะประสบแก่พวกเขา

 

[11:49]

เหล่านั้นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวอันเร้นลับที่เราได้วะอีมายังเจ้า (มุฮัมมัด) เจ้าไม่รู้เรื่องนี้และกลุ่มชนของเจ้าก็ไม่รู้มาก่อนเลย ดังนั้นเจ้าจงอดทนแท้จริงบั้นปลายที่ดีนั้นสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง

 

[11:50]

และยังอ๊าด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูดเขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิดพวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พวกท่านมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นพวกอุปโลกน์เท่านั้น

 

[11:51]

โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! ฉันมิได้ขอร้องต่อพวกท่านซึ่งรางวัลในการนี้เลยรางวัลของฉันนั้นอยู่กับพระผู้ให้บังเกิดฉัน พวกท่านไม่ใช้ปัญญาหรือ?

 

[11:52]

และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! จงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ พระองค์จะส่งเมฆ (น้ำฝน) มาเหนือพวกท่าน ให้หลั่งน้ำฝนลงมาอย่างหนักและจะทรงเพิ่มพลังเป็นทวีคุณให้แก่พวกท่าน และพวกท่าน และพวกท่านอย่าผินหลังโดยเป็นผู้กระทำผิด

 

[11:53]

พวกเขากล่าวว่า โอ้ฮูดเอ๋ย! ท่านมิได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้แก่เราและพวกเราก็จะไม่ละทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของเราเพราะคำกล่าวของท่าน และพวกเราก็จะไม่ศรัทธาในตัวท่าน

 

[11:54]

เราจะไม่กล่าวอย่างใด เว้นแต่พระเจ้าบางองค์ของเราได้นำความชั่วเข้าไปสิงในตัวท่าน เขา (ฮูด) กล่าวว่า แท้จริงฉันให้อัลลอฮ์ทรงเป็นพยาน แล้วพวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่าแท้จริงฉันปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกท่านตั้งภาคี

 

[11:55]

อื่นจากพระองค์ ดังนั้นพวกท่านทั้งหมดจงวางแผนทำร้ายฉันเถิด แล้วพวกท่านอย่าได้ให้ฉันต้องรอคอยเลย

 

[11:56]

แท้จริงฉันมอบหมายต่ออัลลอฮ์ พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน ไม่มีสัตว์เลื้อยคลานใด ๆ เว้นแต่พระองค์ทรงกำขมับมันแท้จริงพระเจ้าของฉันอยู่บนทางที่เที่ยงตรง

 

[11:57]

หากพวกท่านผินหลังให้แล้วไซร้ แน่นอนฉันได้แจ้งข่าวแก่พวกท่านแล้ว ตามที่ฉันได้ถูกส่งมายังพวกท่านเพื่อมันและพระเจ้าของฉันจะทรงแต่งตั้งกลุ่มชนอื่นจากพวกท่านเป็นตัวแทน และพวกท่านจะไม่อันตรายต่อพระองค์แต่อย่างใด แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงพิทักษ์ทุกสิ่ง

 

[11:58]

และเมื่อบัญชาของเราได้มาถึง เราได้ช่วยฮูดและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้น ด้วยความเมตตาจากเรา และเราได้ช่วยให้พวกเขาพ้นจากการลงโทษอันโหดร้าย

 

[11:59]

และนั่นคือกลุ่มชนอ๊าด พวกเขาปฏิเสธโองการทั้งหลายของพระเจ้าของพวกเขา และฝ่าฝืนต่อบรรดาร่อซู้ลของพระองค์ และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้หยิ่งผยองผู้ขัดขืนทุกคน

 

[11:60]

และพวกเขาถูกติดตามด้วยการสาปแช่งในโลกดุนยานี้และวันกิยามะฮ์ พึงทราบเถิด! แท้จริงกลุ่มชนอ๊าดปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา พึงทราบเถิด! จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดอ๊าดกลุ่มชนของฮูด

 

[11:61]

และยังษะมูด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์ เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงบังเกิดพวกท่านพำนักอยู่ในนั้น อังนั้น พวกท่านจงขออภัยต่อพระองค์ และจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นทรงอยู่ใกล้ทรงตอบรับเสมอ

 

[11:62]

พวกเขากล่าวว่า โอ้ ซอและฮ์เอ๋ย ! แน่นอนท่านเคยเป็นความหวังในหมู่พวกเรามาก่อน บัดนี้ ท่านจะห้ามมิให้เราเคารพอิบาดะฮ์สิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคารพอิบาดะฮ์อยู่กระนั้นหรือ? และแท้จริงพวกเราอยู่ในการสงสัยต่อสิ่งที่ท่านเรียกร้องเชิญชวนเรายังสิ่งนั้น

 

[11:63]

เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ หากฉันมีหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของฉัน และพระองค์ทรงประทานความเมตตาจากพระองค์แก่ฉัน ดังนั้นผู้ใดเล่าจะช่วยฉันให้พ้นจากอัลลอฮ์ หากฉันฝ่าฝืนพระองค์ ดังนั้น พวกท่านจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่ฉันเลยนอกจากการขาดทุนเท่านั้น

 

[11:64]

และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! นี่คืออูฐตัวเมียของอัลลอฮ์เป็นสัญญาณหนึ่งแก่พวกท่านดังนั้นพวกท่านจงปล่อยมันให้หากินตามลำพังในแผ่นดินของอัลลอฮ์ และอย่าก่อความทุกข์ยากแก่มัน มิฉะนั้นแล้ว การลงโทษอันรวดเร็วจะประสบแก่พวกท่าน

 

[11:65]

ต่อมาพวกเขาได้ฆ่า ดังนั้นเขา (ซอและฮ์) กล่าวว่า พวกท่านจงสุขสำราญในบ้านของพวกท่านสามวัน นั่นคือสัญญาที่ไม่โกหก

 

[11:66]

ดังนั้น เมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึงเราได้ช่วยซอและฮ์และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้น ด้วยความเมตตาจากเรา และจากความอดสูของวันนั้น แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ

 

[11:67]

และเสียงกัมปนาทได้คร่าบรรดาผู้อธรรม แล้วพวกเขาได้กลายเป็นผู้นอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา

 

[11:68]

ประหนึ่งว่า พวกเขามิได้เคยอยู่ในนั้นมาก่อน พึงทราบเถิด! แท้จริงษะมูดนั้นปฏิเสธศรัทธาพระเจ้าของพวกเขา พึงทางเถิด! จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดสำหรับษะมูด

 

[11:69]

และแน่นอนบรรดาทูตของเราได้มายังอิบรอฮีมพร้อมทั้งข่าวดี พวกเขากล่าวว่า ขอความศานติจงมีแด่ท่าน เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า ขอความศานติจงมีแด่พวกท่าน ดังนั้นเขามิได้รีรอที่จะนำลูกวัวย่างออกมา

 

[11:70]

ครั้นเมื่อเขาเห็นว่ามือของพวกเขาไม่ถึงมันเขาไม่พอใจและรู้สึกกลัวพวกเขา พวกเขากล่าวว่า อย่ากลัวเลย แท้จริงเราถูกส่งมายังกลุ่มชนของลูฏ

 

[11:71]

และภริยาของเขายืนอยู่แล้ว นางก็หัวเราะเราจึงแจ้งข่าวดีแก่นางด้วย (การได้บุตรชื่อ) อิสหากและหลังจากอิสหากคือยะอ์กูบ

 

[11:72]

นางกล่าวว่า โอ้ แปลกแท้ ๆ ฉันจะมีบุตรหรือ ขณะที่ฉันแก่แล้ว และนี่สามีของฉันก็แก่หง่อมแล้ว แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดแท้

 

[11:73]

พวกเขากล่าวว่า เธอแปลกใจต่อพระบัญชาของอัลลอฮ์หรือ?ความเมตตาของอัลลอฮ์และความจำเริญของพระองค์จงประสบแด่พวกท่านโอ้ครอบครัว (ของอิบรฮีม) แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ได้รับการสรรเสริญ ผู้ทรงประเสริฐยิ่ง

 

[11:74]

ครั้นเมื่อความตระหนกได้คลายไปจากอิบรอฮีมแล้ว และข่าวดีได้มายังเขาเขาก็โต้เถียงเราในเรื่องของกลุ่มชนลูฏ

 

[11:75]

แท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นผู้อดทนขันติ จิตใจอ่อนโยน หันหน้าเข้าหาอัลลอฮ์เสมอ

 

[11:76]

โอ้อิบรอฮีมเอ๋ย! จงผินหลังจากเรื่องนี้เถิดแท้จริงพระบัญชาของพระเจ้าของเจ้าได้มาถึงแล้ว และแท้จริงเพวกเขาเหล่านั้น การลงโทษที่ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นจะมายังพวกเขาอย่างแน่นอน

 

[11:77]

และเมื่อบรรดาทูตของเรา (มลาอิกะฮ์) ได้มายังลูฏ เขาเป็นทุกข์ต่อพวกเขาและหนักใจในพวกเขา และกล่าวว่า นี่เป็นอันชั่วร้ายที่สุด

 

[11:78]

และกลุ่มชนของเขาได้มาหาเขา พวกเขารีบร้อนมายังเขา และก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทำความชั่วเขากล่าวว่า กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน พวกนางนั้นบริสุทธิ์สำหรับพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดและอย่าทำให้ฉันขายหน้าต่อแขกของฉันเลย ไม่มีคนที่มีสติสัมปชัญญะในหมู่พวกท่านบ้างหรือ?

 

[11:79]

พวกเขากล่าวว่า โดยแน่นอน ท่านรู้ดีว่า เราไม่มีสิทธิ์ในลูกสาวของท่าน และแท้จริงท่านรู้ดีถึงสิ่งที่เราปรารถนา

 

[11:80]

เขากล่าวว่า หากว่าฉันมีกำลังปราบพวกท่าน หรือฉันหันไปพึ่งที่พักพิงอันแข็งแรง

 

[11:81]

พวกเขา (มลาอิกะฮ์) กล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย! พวกเราเป็นทูตของพระเจ้าของท่าน พวกเหล่านั้นจะไม่ถึงท่านได้เลยดังนั้น ท่านจงเดินทางไปในเวลากลางคืนพร้อมกับครอบครัวของท่านและคนใดในหมู่พวกท่านอย่าได้เหลียวหลังมองเว้นแต่ภริยาของท่าน แท้จริงจะประสบแก่นางเช่นเดียวกับที่ได้ประสบแก่พวกเขา แท้จริงสัญญาของพวกเขาคือเวลาเช้า เวลาเช้านั้นใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือ?

 

[11:82]

ดังนั้น เมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึงเราได้ทำให้ข้างบนของมันเป็นข้างล่าง และเราได้ ให้ก้อนหินแกร่งหล่นพรูลงมา

 

[11:83]

ถูกตราเครื่องหมายไว้ ณ ที่พระเจ้าของท่าน และมันไม่ไกลไปจากบรรดาผู้อธรรม

 

[11:84]

และยังกลุ่มชนของมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือชุอัยบ์เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิด พวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ และพวกท่านอย่าให้การตวง และการชั่งบกพร่อง แท้จริงฉันเห็นพวกท่านยังอยู่ในความดี และแท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านต่อการลงโทษในวันที่ถูกห้อมล้อมไว้

 

[11:85]

และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านจงให้ครบสมบูรณ์ไว้ซึ่งการตวงและการชั่งโดยเที่ยงธรรม และอย่าให้บกพร่องแก่มนุษย์ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา และอย่าก่อกวนในแผ่นดินโดยเป็นผู้บ่อนทำลาย

 

[11:86]

สิ่งที่เหลืออยู่ของอัลลอฮ์นั้นดียิ่งสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา และฉันมิใช่ผู้คุ้มกันพวกท่าน

 

[11:87]

พวกเขากล่าวว่า โอ้ชุอัยบ์เอ๋ย ! การละหมาดของท่านสั่งสอนท่านว่า ให้พวกเราละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคารพบูชา หรือว่าให้เรากระทำต่อทรัพย์สินของเราตามที่เราต้องการกระนั้นหรือ?แท้จริงท่านนั้นเป็นผู้อดทนขันติ เป็นผู้มีสติปัญญา

 

[11:88]

เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านมิเห็นดอกหรือ หากฉันมีหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของฉัน และพระองค์ได้ประทานริซกีแก่ฉัน ซึ่งเป็นริซกีที่ดีจากพระองค์ และฉันมิปรารถนาที่จะขัดแย้งกับพวกท่าน ในสิ่งที่ฉันได้ห้ามพวกท่านให้ละเว้น ฉันมิปรารถนาสิ่งใดนอกจากการปฏิรูปให้ดีขึ้นเท่าที่ฉันสามารถ และความสำเร็จของฉันจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ แด่พระองค์ฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นฉันกลับไปหา

 

[11:89]

และโอ้กลุ่มชนของฉัน อย่าให้การแตกแยกของฉันทำให้พวกท่านกระทำผิด ซึ่งจะประสบแก่พวกท่านเช่นที่ได้ประสบแก่กลุ่มชนของนูห์หรือกลุ่มชนของฮูด หรือกลุ่มชนของซอและฮ์และกลุ่มชนของลูฏมิได้อยู่ห่างไกลจากพวกท่าน

 

[11:90]

และพวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรักใคร่

 

[11:91]

พวกเขากล่าวว่า โอ้ ชุอัยบ์เอ๋ย! เราไม่เข้าใจส่วนมากที่ท่านกล่าว และแท้จริงเราเห็นว่าท่านเป็นคนอ่อนแอในหมู่พวกเรา ถ้ามิใช่เพราะครอบครัวของท่านแล้ว เราจะเอาหินขว้างท่านและท่านก็มิได้เป็นผู้มีเกียรติเหนือพวกเรา

 

[11:92]

เขากล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! ครอบครัวของฉันเป็นที่นับถือแก่พวกท่านมากยิ่งกว่าอัลลอฮ์กระนั้นหรือ? และพวกท่านได้เอาพระองค์ไว้เบื้องหลังพวกท่าน แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านกระทำ

 

[11:93]

และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงกระทำตามแนวทางของพวกท่าน ฉันก็จะกระทำ (ตามแนวทางของฉัน) แล้วพวกท่านก็จะรู้ว่าผู้ใดที่การลงโทษจะประสบแก่เขา จะทำให้เขาอดสูและผู้ใดที่เขาเป็นคนโกหก และพวกท่านจงคอยเฝ้าดูเถิด แท้จริงฉันก็ร่วมกับพวกท่านคอยเฝ้าดูอยู่ด้วย

 

[11:94]

และเมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึง เราได้ช่วยชุอัยบ์และบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาให้รอดพ้น ด้วยความเมตตาจากเรา และเสียงกัมปนาทได้ร่าบรรดาผู้อธรรมแล้วพวกเขาได้กลายเป็นผู้นอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา

 

[11:95]

ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้เคยอยู่ในนั้นมาก่อน พึงทราบเถิด! จงห่างไกลจากความเมตตาเถิดสำหรับมัดยัน เช่นเดียวกับที่ษะมูดได้ห่างไกลมาแล้ว

 

[11:96]

และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซา พร้อมด้วยสัญญาณต่างๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง

 

[11:97]

ยังฟิรเอาน์และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขา พวกเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของฟิรเอาน์และคำสั่งของฟิรเอาน์นั้นไม่เหมาะสม

 

[11:98]

เขาจะนำหน้ากลุ่มชนของเขาในวันกิยามะฮ์และนำพวกเขาลงในไฟนรก และมันเป็นทางลงที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้ลงไป

 

[11:99]

และพวกเขาถูกติดตามด้วยการถูกสาปแช่งในโลกนี้และวันกิยามะฮ์ มันเป็นความช่วยเหลือที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือ

 

[11:100]

นั่นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวของเมืองต่างๆ เราได้บอกเล่ามันแกเจ้า ส่วนหนึ่งของมันยังคงอยู่ และส่วนหนึ่งก็เสื่อมโทรมไปแล้ว

 

[11:101]

และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเองและบรรดาพระเจ้าของพวกเขาที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์นั้น จะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขาเลย เมื่อพระบัญชาของพระเจ้าของท่านได้มาถึง และพระเจ้าเหล่านั้นมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกเขา นอกจากความพินาศ

 

[11:102]

และเช่นนี้แหละคือการลงโทษของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงลงโทษหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อธรรม แท้จริงการลงโทษของพระองค์นั้นเจ็บแสบสาหัส

 

[11:103]

แท้จริง ในการนั้นเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่กลัวการลงโทษในวันอาคิเราะฮ์ นั่นคือวันแห่งการรวบรวมปวงมนุษย์สำหรับพระองค์และนั่นคือวันแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมพรัก

 

[11:104]

และเรามิได้หน่วงมัน เว้นแต่เพื่อวาระที่ถูกกำหนดไว้

 

[11:105]

วันที่เมื่อมันมาถึงไม่มีชีวิตใดจะพูดได้เว้นแต่โดยอนุมัติของพระองค์ ดังนั้น ในหมู่พวกเขาจะมีผู้เป็นทุกข์และผู้เป็นสุข

 

[11:106]

ดังนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่มีทุกข์ก็จะอยู่ในนรก สำหรับพวกเขาที่อยู่ในนั้นคือ การถอนหายใจและการสะอื้น

 

[11:107]

พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยงเว้นแต่ที่พระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์ แท้จริงพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์

 

[11:108]

และสำหรับบรรดาผู้เป็นสุขก็จะอยู่ในสวนสวรรค์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยัง เว้นแต่ที่พระเจ้าของของเจ้า ทรงประสงค์ เป็นการประทานให้โดยปราศจากการตัดทอน

 

[11:109]

ดังนั้น เจ้าอย่าอยู่ในการสงสัย จากการที่เขาเหล่านั้นเคารพบูชาเลย พวกเขามิได้เคารพบูชาสิ่งใด เว้นแต่เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เคารพบูชามาก่อนแล้ว และแท้จริงเราจะให้สมบูรณ์แก่พวกเขาซึ่งส่วนของพวกเขา โดยปราศจากการบกพร่อง

 

[11:110]

และโดยแน่นอน เราได้ให้คัมภีร์แก่มูซา แล้วได้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นในนั้นและหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าแล้วแน่นอนก็คงจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขา และแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้สงสัย ย่อมอยู่ในการสงสัยจากมัน (คัมภีร์)

 

[11:111]

และแท้จริงพวกเขาทั้งหมด พระเจ้าของเจ้าจะทรงตอบแทนแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนซึ่งการงานของพวกเขาแท้จริงพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขากระทำ

 

[11:112]

เจ้าจงอยู่ในความเที่ยงธรรมเช่นที่ถูกบัญชา และผู้ที่ขอลุโทษแก่เจ้า และพวกท่านอย่าได้ละเมิดแท้จริงพระองค์ทรงรู้เห็นสิ่งที่พวกท่านกระทำ

 

[11:113]

และพวกท่านอย่าเห็นชอบไปกับธรรมดาผู้อธรรม ไฟนรกจะสัมผัสพวกท่านได้และสำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครองใด ๆ นอกจากอัลลอฮ์แล้วพวกท่านจะไม่ช่วยเหลือ

 

[11:114]

และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ตามปลายช่วงทั้งสองของกลางวันและยามต้นจากกลางคืน แท้จริงความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลายนั่นคือข้อเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่รำลึก

 

[11:115]

และเจ้าจงอดทน เพระแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้รางวัลของผู้ทำความเสียหาย

 

[11:116]

ทำไมในศตวรรษก่อนจากพวกเจ้าจึงไม่มีปัญญาชนช่วยกันห้ามปรามการบ่อนทำลายในแผ่นดิน เว้นแต่จำนวนน้อยเท่านั้นจากผู้ที่เราได้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้น และบรรดาผู้อธรรมได้ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาถูกให้อยู่ในความสำราญ พวกเขาจึงเป็นผู้กระทำผิด

 

[11:117]

และพระเจ้าของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรม โดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี

 

[11:118]

และหากพระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์แน่นอนพระเองค์จะทรงทำให้ปวงมนุษย์เป็นประชาชาติเพียวกัน แต่พวกเขาก็ยังคงแตกแยกกัน

 

[11:119]

เว้นแต่ผุ้ที่พระเจ้าของเจ้ามีเมตตาและเช่นนั้นแหละพระองค์ทรงบังเกิดพวกเขาและลิขิตของพระเจ้า ทรงกำหนดไว้สมบูรณ์แล้ว แน่นอนข้าจะให้นรกนั้นเต็มไปด้วยพวกญินและมนุษย์ทั้งหมด

 

[11:120]

และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาร่อซู้ล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่น และได้มายังเจ้าแล้วใน (เรื่องราวเหล่า) นี้ซึ่งความจริงและข้อตักเตือน และข้อรำลึกสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย

 

[11:121]

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาว่า พวกท่านจงกระทำตามแนวทางพวกท่าน แท้จริงเราก็กระทำเช่นกัน

 

[11:122]

และพวกท่านจงคอยดูเถิด แท้จริงเราก็เป็นผู้คอยดู

 

[11:123]

และกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์คือ สิ่งพันญาณวิสัยแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและยังพระองค์การงานทั้งมวลจะถูกนำกลับไป ดังนั้นเจ้าจงเคารพอิบาดะฮ์พระองค์ และจงมอบหมายต่อพระองค์และพระเจ้าของเจ้าจะไม่เป็นผู้ทรงเผลอในสิ่งที่พวกท่านกระทำ

 

Yûsuf

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[12:1]

อะลิฟ ลาม รอ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง

 

[12:2]

แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับเพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด

 

[12:3]

เราจะเล่าเรื่องราวที่ดียิ่งแก่เจ้า ตามที่เราได้วะฮีย์อัลกุรอานนี้แก่เจ้า และหากว่าก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ไม่รู้เรื่องราว

 

[12:4]

จงรำลึกขณะที่ยูซุฟกล่าวแก่พ่อของเขาว่า โอ้พ่อจ๋า! แท้จริงฉันได้ฝันเห็นดวงดาวสิบเอ็ดดวง และดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ฉันฝันเห็นพวกมันสุญูดต่อฉัน

 

[12:5]

เขา (ยะอ์กูบ) กล่าวว่า โอ้ลูกรักเอ๋ย ! เจ้าอย่าเล่าความฝันของเจ้าแก่พี่น้องของเจ้าเพราะพวกเขาจะวางอุบายแก่เจ้าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แท้จริงชัยตอนนั้นเป็นศัตรูที่ชัดแจ้งกับมนุษย์

 

[12:6]

และเช่นนั้นแหละพระเจ้าของเจ้าทรงเลือกเจ้า และทรงสอนเจ้าให้รู้วิชาทำนายฝัน และทรงให้สมบูรณ์ซึ่งความโปรดปรานของพระองค์แก่เจ้าและวงศ์วานของยะอ์กูบ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงให้สมบูรณ์ ซึ่งความโปรดปรานแก่ปู่ทั้งสองของเจ้าแต่ก่อน คืออิบรอฮีมและอิสหาก แท้จริงพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

[12:7]

แท้จริงเกี่ยวกับยูซุฟและพี่น้องของเขานั้น มีสัญญาณทั้งหลายสำหรับผู้สอบถาม

 

[12:8]

จงรำลึกขณะที่พวกเขากล่าวว่า แน่นอนยูซุฟและน้องของเขาเป็นที่รักแก่พ่อของเรายิ่งกว่าพวกเราทั้ง ๆ ที่พวกเรามีจำนวนมากแท้จริงพ่อของเราอยู่ในการหลงผิดจริง ๆ

 

[12:9]

พวกท่านจงฆ่ายูซุฟ หรือเอาไปทิ้งในที่เปลี่ยวเสีย เพื่อความเอาใจใส่ของพ่อของพวกท่านจะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน และพวกท่านจะเป็นกลุ่มชนที่ดีหลังจากเขา

 

[12:10]

คนหนึ่งในพวกเขากล่าวว่าพวกท่านอย่าฆ่ายูซุฟ แต่จงโยนเขาลงในบ่อลึก เพื่อผู้เดินทางบางคนจะได้เอาเขาออกมา หากพวกท่านจำต้องกระทำเช่นนั้น

 

[12:11]

พวกเขากล่าวว่า โอ้คุณพ่อของเรา! ทำไมท่านจึงไม่ไว้ใจเราที่มีต่อยูซุฟ และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อเขา

 

[12:12]

พรุ่งนี้ขอให้ส่งเขาไปกับเรา เพื่อเขาจะกินให้อิ่มและเล่นอย่างสนุก และแท้จริงเรานั้นจะเป็นผู้คุ้มกันเขา

 

[12:13]

เขากล่าวว่า แท้จริงมันจะทำให้ฉันเศร้าใจ เมื่อพวกเจ้าจะเอาเขาไป และฉันกลัวว่า สุนัขป่าจะกินเขา ขณะที่พวกเจ้ามิได้เอาใจใส่ต่อเขา

 

[12:14]

พวกเขากล่าวว่า หากสุนัขป่ากินเขาทั้ง ๆ ที่พวกเรามีจำนวนมาก ดังนั้นแท้จริงพวกเราเป็นผู้ขาดทุนแน่นอน

 

[12:15]

เมื่อพวกเขาพาเขาไป พวกเขาตกลงกันว่าจะเอาเขาไปโยนในบ่อลึก และเราได้วะฮีย์แก่เขาว่า แน่นอน เจ้าจะได้เล่าแก่พวกเขาถึงการกระทำของพวกเขาในครั้งนี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึก

 

[12:16]

และพวกเขาได้กลับมาหาพ่อของพวกเขาเวลาค่ำ พลางร้องไห้

 

[12:17]

พวกเขากล่าวว่า โอ้พ่อของเรา ! พวกเราได้ออกไปวิ่งแข่งกัน และเราได้ปล่อยยูซุฟไว้เฝ้าสิ่งของ ๆเรา แล้วสุนัขป่าได้มากินเขาและท่านย่อมไม่เชื่อเราทั้ง ๆ ที่เราเป็นผู้สัตย์จริง

 

[12:18]

และพวกเขาได้นำเสื้อของเขามา มีเลือดปลอมติดอยู่แต่ว่าพวกเจ้าได้แต่งเรื่องขึ้นเพื่อพวกเจ้า ดังนั้น การอดทนเป็นสิ่งที่ดีและอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง

 

[12:19]

และคณะเดินทางได้มาถึงดังนั้นพวกเขาได้ส่งคนแบกน้ำของพวกเขา (ไปตักน้ำจากบ่อ) เขาได้หย่อนถังของเขาลงไป (ในบ่อ) เขากล่าวว่า โอ้ข่าวดีจ๊ะ! นี่มันเด็กนี่ และพวกเขาได้ซ่อนเขาไว้เป็นสินค้า และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำ

 

[12:20]

และพวกเขาได้ขายเขาด้วยราคาถูก นับได้ไม่กี่ดิรฮัม และพวกเขาเป็นผู้มักน้อย

 

[12:21]

และผู้ที่ซื้อเขามาจากอียิปต์กล่าวกับภริยาของเขาว่า จงให้ที่พักแก่เขาอย่างมีเกียรติ บางทีเขาจะทำประโยชน์ให้เราได้บ้างหรือรับเขาเป็นบุตร และเช่นนั้นแหละเราได้ทำให้ยูซุฟมีอำนาจในแผ่นดิน และเพื่อเราจะได้สอนให้เขารู้วิชาทำนายฝัน และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้พิจิตในกิจการของพระองค์ และแต่ว่าส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้

 

[12:22]

แลเมื่อเขาบรรลุวัยหนุ่มฉกรรจ์ของเขาเราได้ให้ความสุขุมรอบคอบและวิชาการแก่เขาและเช่นนั้นแหละ เราตอบแทนแก่บรรดาผู้กระทำความดี

 

[12:23]

และนางได้ยั่วยวนเขาโดยที่เขาอยู่ในบ้านของนางและนางได้ปิดประตูอย่างแน่นและกล่าวว่ามานี่ซิ! เขากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ แท้จริงเขาเป็นนายของฉัน ให้ที่พักพิงที่ดียิ่งแก่ฉัน แท้จริงบรรดาผู้อธรรมจะไม่บรรลุความสำเร็จ

 

[12:24]

และแท้จริง นางได้ตั้งใจมั่นในตัวเขาและเขาก็ตั้งใจในตัวนางหากเขาไม่เห็นหลักฐานแห่งพระเจ้าของเขา เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะให้ความชั่วและการลามห่างไกลจากเขา แท้จริงเขาคือคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราที่สุจริต

 

[12:25]

และทั้งสองได้วิ่งไปที่ประตูและนางได้ดึงเสื้อของเขาขาดทางด้านหลัง และทั้งสองได้พบสามีของนางที่ประตู นางกล่าวว่าอะไรคือการตอบแทนของผู้ประสงค์ร้ายต่อภริยาของท่านนอกจากการจำคุกหรือการลงโทษอย่างเจ็บปวด

 

[12:26]

เขากล่าวว่า นางได้ยั่วยวนขืนใจฉัน และพยานคนหนึ่งในบ้านของนางได้เป็นพยาน หากเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหน้า ดังนั้นนางก็พูดจริง และเขาอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ

 

[12:27]

และหากว่าเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหลัง นางก็กล่าวเท็จ และเขาอยู่ในหมู่ผู้พูดจริง

 

[12:28]

ดังนั้น เมื่อเขาเห็นเสื้อของเขาถูกดึงขาดทางด้านหลัง เขากล่าวว่า แท้จริงมันเป็นอุบายของพวกเธอแท้จริงอุบายของพวกเธอนั้นยิ่งใหญ่

 

[12:29]

ยูซุฟ จงผินหลังให้เรื่องนี้เถิดและเธอจงขออภัยโทษในความผิดของเธอ แท้จริงเธออยู่ในหมู่ผู้กระทำผิด

 

[12:30]

และพวกผู้หญิงในเมืองกล่าวว่าภริยาของผู้ว่าฯ ได้ยั่วยวนเด็กรับใช้ของนาง แน่นอนเขาทำให้นางหลงรัก แท้จริงเราเห็นว่านางอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง

 

[12:31]

เมื่อนางได้ยินเสียง (กล่าวหา) โจษจรรย์ของนางเหล่านั้น นางจึงส่งคนไปยังนางเหล่านั้นและนางได้เตรียมที่พักพิงสำหรับนางเหล่านั้นและได้นำมีดมาให้ทุกคนในหมู่นางเหล่านั้นและนางกล่าว (แก่เขาว่า) จงออกไปหานางเหล่านั้น เมื่อนางเหล่านั้นเห็นเขาก็ให้การสรรเสริญและเฉือนมือของพวกนาง และเขากล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ มิใช่อื่นใดนอกจากมะลักผู้มีเกียรติ

 

[12:32]

นางกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่พวกเธอประณามฉันเกี่ยวกับเขาและแน่นอนฉันได้ยั่วยวนเขาแต่เขาขัดขวางอย่างแข็งขัน และหากเขาไม่ปฏิบัติตามที่ฉันสั่งเขา แน่นอนเขาจะถูกจำคุกและจะอยู่ในหมู่ผู้ยอมจำนน

 

[12:33]

เขากล่าวว่า โอ้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คุกนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ข้าพระองค์กว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มัน และหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลา

 

[12:34]

ดังนั้น พระเจ้าของเขาได้ตอบรับเขาแล้วพระองค์ทรงให้อุบายของพวกนางหันห่างไปจากเขา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

 

[12:35]

เมื่อเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาหลังจากที่ได้พบเห็นหลักฐาน (ก็ลงความเห็นว่า) ต้องขังเขาไว้ระยะหนึ่ง

 

[12:36]

และชายหนุ่มสองคน (มหาดเล็ก) ได้เข้าคุกพร้อมกับเขาหนึ่งในสองคนกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันคั้นเหล้า และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันแบกขนมปังไว้บนศรีษะของฉัน แล้วนกได้มากินมัน จงบอกเราด้วยการทำนายฝัน แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในหมู่ผู้ทำความดี

 

[12:37]

เขากล่าวว่า อาหารที่ท่านทั้งสองจะได้รับจะยังไม่มาถึงท่านทั้งสอง เว้นแต่ฉันจะบอกกับท่านทั้งสองเป็นการทำนายมัน ก่อนที่มันจะมาถึงท่านทั้งสองนั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงสอนฉัน แท้จริงฉันได้ละทิ้งแนวทางของกลุ่มชนผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และพวกเขาเป็นพวกที่ปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก

 

[12:38]

และฉันได้ดำเนินตามแนวทางของบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีมและอิสหากและยะอ์กูบไม่เป็นการบังควรแก่เราที่จะตั้งภาคีด้วยสิ่งใดต่ออัลลอฮ์ นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่เราและมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่ขอบคุณ

 

[12:39]

โอ้ เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย! พระเจ้าหลายองค์ดีกว่า หรือว่าอัลลอฮ์เอกองค์ผู้ทรงอนุภาพ

 

[12:40]

สิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์อื่นจากพระองค์ มิใช่อื่นใดนอกจากบรรดาชื่อที่พวกท่านและบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านใช้เรียกมัน อัลลอฮ์มิได้ประทานหลักฐานในเรื่องนี้ลงมา การตัดสินมิได้เป็นสิทธิของใครนอกจากอัลลอฮ์พระองค์ทรงใช้มิให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮ์สิ่งใด นอกจากพระองค์เท่านั้น นั่นคือศาสนาที่เที่ยงธรรมแต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้

 

[12:41]

โอ้เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย ! ส่วนคนหนึ่งของท่านทั้งสองเขาจะรินเหล้าให้นายของเขาและส่วนอีกคนหนึ่งจะถูกแขวนตรึง แล้วนกจะกินศรีษะของเขาเรื่องถูกกำหนดไว้ตามที่ท่านทั้งสองขอความเห็น

 

[12:42]

และเขากล่าวแก่คนที่เขาคิดว่าจะพ้นโทษในสองคนว่า จงเล่าเรื่องของฉันแก่นายของท่านด้วยแล้วชัยตอนได้ทำให้เขาลืมเรื่องของเขา (ยูซุฟ) ณ ที่นายของเขา เขาจึงอยู่ในคุกอีกหลายปี

 

[12:43]

และกษัตริย์ได้ตรัสว่า แท้จริงฉันฝันเห็นวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวถูกวัวผอมเจ็ดตัวกินพวกมัน และรวงข้าวเขียวเจ็ดรวงถูกรวงข้าวแห้งเจ็ดรวงรัดกินมัน โอ้ขุนนางทั้งหลายเอ๋ย! จงอธิบายแก่ฉันในการฝันของฉันนี้ หากพวกท่านเป็นผู้ทำนายฝันได้

 

[12:44]

พวกเขากล่าวว่า เป็นการฝันที่สับสนและพวกเรามิใช่ผู้รู้ในการทำนายฝัน

 

[12:45]

เขาผู้รอดพ้นคนหนึ่งในสองคนรำลึกขึ้นมาได้หลังจากชั่วเวลาหนึ่ง กล่าวว่า ฉันจะบอกพวกท่านซึ่งการทำนายฝัน พวกท่านจงส่งฉันไปซิ

 

[12:46]

ยูซุฟผู้ซื่อสัตย์เอ๋ย! จงอธิบายแก่เราเรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวถูกวัวตัวผอมเจ็ดตัวกินมัน และรวงข้าวเจ็ดรวงถูกรวงข้าวแห้งเจ็ดรวงรัดกินมัน หวังว่าฉันจะกลับไปหามวลชนเพื่อพวกเขาจะได้รู้เรื่อง

 

[12:47]

เขากล่าวว่า พวกท่านจะเพาะปลูก 7 ปีต่อเนื่องกัน สิ่งที่พวกท่านเก็บเกี่ยวได้จงปล่อยมันไว้ในรวงของมันเว้นแต่ส่วนน้อยที่ท่านจะกินมัน

 

[12:48]

หลังจากนั้น 7 ปีแห่งความแร้นแค้นจะติดตามมา มันจะกินสิ่งที่พวกท่านสะสมไว้สำหรับมัน นอกจากส่วนน้อยที่พวกท่านจะเก็บไว้ทำพันธุ์

 

[12:49]

หลังจากนั้นปีที่มวลชนจะได้รับฝนติดตามมา และในปีนั้นพวกเขาจะได้คั้นองุ่น

 

[12:50]

และกษัตริย์ตรัสว่า จงนำเขามาหาฉันซิ! เมื่อคนนำข่าวมาหาเขา เขากล่าวว่า จงกลับไปยังนายของท่าน แล้วถามพระองค์ถึงเรื่องของพวกผู้หญิงที่เฉือนมือของนาง แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ถึงอุบายของนางเหล่านั้น

 

[12:51]

กษัตริย์ตรัสว่า เรื่องราวของพวกเธอเป็นเช่นไร เมื่อพวกเธอยั่วยวนยูซุฟ พวกนางกล่าวว่า ขออัลลอฮ์ทรงคุ้มครอง เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาทำชั่ว ภริยาของผู้ว่าฯ กล่าวว่า บัดนี้ความจริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว ฉันได้ยั่วยวนเขาและแท้จริงเขาคือผู้หนึ่งในหมู่ผู้สัตย์จริงอย่างแน่นอน

 

[12:52]

ทั้งนี้เพื่อให้เขารู้ว่า แท้จริงฉันมิได้ทรยศต่อเขาโดยลับหลัง และแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะแนวการวางแผนของพวกทรยศ